top of page
รูปภาพนักเขียนสมภพ แจ่มจันทร์

บางสิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิต

มื่อใดก็ตามที่ผมได้ยินใครบางคนบอกว่า ชีวิตของเขามีทุกอย่างที่ต้องการแล้ว แต่ทำไมถึงไม่มีความสุข หรือชีวิตตอนนี้ก็ดูปกติดี แต่ทำไมเขาถึงเป็นทุกข์แบบนี้


ผมมักจะรับฟังด้วยความเข้าอกเข้าใจ ในขณะเดียวกันไม่ปักใจเชื่อในความคิดนั้น ปรากฎการณ์ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นจากเหตุปัจจัย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจากความว่างเปล่า หรือไม่มีต้นสายปลายเหตุ ความทุกข์ก็เช่นกัน มันย่อมมีที่มาและมีปัจจัยที่ทำให้มันดำรงอยู่ ไม่ว่าเราจะมองเห็นมันหรือไม่ก็ตาม


คำว่า “มีทุกอย่าง”​ ที่ใครคนนั้นพูดถึง ที่จริงแล้ว มันอาจหมายถึง เขากำลัง “ขาดบางอย่าง” ที่ต้องการโดยที่ยังไม่รู้ตัวว่ามันคืออะไร และคำว่า “ปกติดี” ก็เช่นเดียวกัน มันอาจหมายถึงมีความ “ไม่ปกติ” บางอย่างที่ตัวเขาเองยังมองเห็นมันไม่ชัดนัก


การปักใจเชื่อความคิดที่ว่า เรามีทุกอย่างที่ต้องการแต่ทำไมไม่มีความสุข หรือชีวิตก็ปกติดีแต่ทำไมเราถึงเป็นทุกข์ ทำให้ความทุกข์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เข้าใจไม่ได้หรือเข้าใจได้ยาก เพราะมันดูไม่มีเหตุผลที่เราจะเป็นทุกข์ได้ สาเหตุจึงมักถูกผลักให้กลายเป็นเรื่องของความผิดปกติทางจิต (หรือไม่ก็ทางสมอง)


ในการอธิบายว่าชีวิตของเราเป็นอย่างไร เรามักจะรวบรวมข้อเท็จจริงบางอย่างในชีวิตของเรามาประกอบกันเป็นคำอธิบายดังกล่าว เมื่อใครบางคนบอกว่าชีวิตของเขามีทุกอย่างที่ต้องการ เขากำลังหมายถึงชีวิตที่ผ่านมา ซึ่งเขาอาจจะมีทุกอย่างจริง ๆ อย่างที่เขาเชื่อก็ได้


แต่ชีวิตในตอนนี้ คือตัวเขาที่กำลังเป็นทุกข์อยู่ในตอนนี้ เป็นคนละคนกันกับตัวเขาในอดีตผู้ซึ่งมีทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อเขาออกจากคำอธิบายว่าชีวิตของตัวเองมีทุกอย่างได้ เขาอาจพบว่าชีวิตในตอนนี้กำลังต้องการอะไรบางอย่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่


ชีวิตของเราที่เป็นจริงในตอนนี้ กับชีวิตที่ดำรงอยู่ในความคิดหรือคำอธิบายของเรา มักเป็นชีวิตคนละแบบ



จุดเริ่มต้นในการรับมือความทุกข์ไม่ได้อยู่ตรงคำอธิบายว่า เราควรหรือไม่ควรเป็นทุกข์เพราะอะไร แต่อยู่ที่การยอมรับความทุกข์ที่เกิดขึ้น เราจำเป็นต้องมองเห็นภาวะแห่งความทุกข์ที่ปรากฎขึ้นในชีวิต มันอาจแสดงออกผ่านอาการทางร่างกาย หรืออารมณ์ความรู้สึกที่ปรากฎในจิตใจ แต่ปัญหาของคนส่วนใหญ่คือ เรามักปฏิเสธความทุกข์หรือไม่ก็รีบจัดการให้มันหายไปไว ๆ โดยที่ไม่ได้เข้าใจมันอย่างแท้จริง


เมื่อเราสามารถให้พื้นที่แก่ความทุกข์ได้แล้ว บางทีเราอาจมองเห็นสิ่งที่ขาดหายไป หรือมองเห็นความไม่ปกติที่เกิดขึ้นในชีวิต อันเป็นที่มาของความทุกข์


ใครคนหนึ่งมองว่าตัวเองมีครอบครัวที่อบอุ่น มีการงานที่มั่นคง และมีฐานะร่ำรวย ทำให้คิดว่าตัวเอง "มีทุกอย่าง" และ "ชีวิตปกติดี" แต่เขากลับรู้สึกไม่พอใจและไม่มีความสุข เมื่อยอมรับความรู้สึกของตัวเอง เขาอาจพบว่าสิ่งที่ตัวเขาต้องการในตอนนี้คือความท้าทายใหม่ ๆ เพราะเขารู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตที่วนเวียนอยู่กับสิ่งเดิม ๆ


ถึงอย่างนั้น ต่อให้ความทุกข์ของเราจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ขาดหายไป ก็ไม่ได้หมายความว่าความทุกข์จะยุติลงก็ต่อเมื่อเราไขว่คว้าทุกอย่างมาครอบครองเท่านั้น เพราะหากเป็นเช่นนั้น ชีวืตของเราคงไม่มีวันสงบสุข ต้องดิ้นรนหาทางเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายอยู่ร่ำไป


หรือต่อให้เรารู้ว่าชีวิตขาดอะไรไป มันก็อาจเป็นสิ่งที่เราไม่มีทางจะได้มาก็เป็นได้


แต่ไม่ว่าเราจะรับมือกับสิ่งที่ขาดหายไปอย่างไร จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ยังคงเป็นจุดเดียวกันคือ การรู้ตัวว่าเรากำลังเป็นทุกข์เพราะอะไร


ส่วนจะรับมือกับความทุกข์ที่เป็นเสมือนแขกที่เราไม่อยากต้อนรับแต่ก็มาเคาะประตูเรียกอยู่เสมออย่างไรนั้น ผมคงไม่มีคำตอบสำเร็จรูปที่น่าพอใจสำหรับทุกคน คงจะตอบได้เพียงแค่ว่า


แต่ละคนล้วนมีแนวทางเฉพาะตัวในการรับมือความทุกข์ ซึ่งเราจะค้นพบได้เมื่อถึงเวลา


 

สมภพ แจ่มจันทร์
นักจิตวิทยาการปรึกษา
bottom of page